Samsung Galaxy Cooper เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554 ด้วยราคาเปิดตัวเพียงแค่ 9,900 บาทเท่านั้น โดยแถม microSD Card ความจุ 2GB มาให้ด้วย แต่ถ้าใครที่ไปเดินงาน Thailand Mobile Expo 2011 เมื่อต้นเดือน กุมภาพันธ์ก็ต้องจะมีโอกาสได้เห็น Galaxy Cooper กันมาก่อนงานเปิดตัวแน่นอน เพราะซังซุงนั้นได้เปิดขาย Galaxy Cooper ไปในงานดังกล่าวด้วย โดยก็เป็นราคาเดียวกันกับที่เปิดตัว
Galaxy Cooper เป็นชื่อที่ทางซัมซุงประเทศไทยเลือกมาในการทำตลาดเฉพาะในไทย โดยต่างประเทศนั้นจะใช้ชื่อ Galaxy Ace กัน โดยสังเกตได้จากตอนเปิดเครื่องมาก็จะขึ้นโลโก้ซัมซุงและชื่อเป็น Galaxy Ace แต่หมายเลขรุ่นนั้นก็ยังคงเป้นตัวเดียวกันนั้นคือ GT-S5830
Galaxy Cooper เป็นมือถือที่ซัมซุงบอกว่ามันคือสมาร์ทโฟนสุดอัจฉริยะ จากตระกูล Galaxy Family มีจุดเด่นด้วยดีไซน์เรียบเก๋ ดูดี มีสไตล์ (ที่หลายๆ บอกว่ามันก๊อปปี้ iPhone 4) เพื่อเอาใจกลุ่มคนวัยทำงานรุ่นใหม่ที่เน้นความทันสมัยและชื่นชอบการเข้าสังคม หรือที่พวกเราเรียกมันว่า Social Network หน้าจอสัมผัส HVGA ขนาด 3.5 นิ้วที่ขนาดกระทัดรัด พกพาสะดวก
Galaxy Cooper มากับกล้องความละเอียดถึง 5 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายภาพได้ละเอียดสูงสุด 2560×1920 พิกเซลพร้อมระบบออโต้โฟกัส และที่สำคัญเลยคือ Galaxy Cooper นั้น มีแฟลช LED มาให้ด้วยทำให้สามารถถ่ายภาพและแชร์ภาพในสังคมออนไลน์ ได้สะดวก ทุกที่ ทุกเวลา ส่วนในเรื่องของวีดีโอนั้นสามารถถ่ายวีดีโอทีความละเอียด 320×240 พิกเซล หรือ 15 fps พร้อมประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผล (CPU) ความเร็ว 800MHz ส่วนแรมก็ใส่มาให้ 384MB หน้าจอสัมผัส HVGA ขนาด 3.5 นิ้วที่ขนาดกระทัดรัด พกพาสะดวก
มาเริ่มรีวิว Galaxy Cooper กันเลย
ด้านหน้าของ Galaxy Cooper ต้องบอกว่ามันดูเหมือน iPhone 4 จริงๆ แระครับ เพียงแต่ไอโฟน 4 นั้นเป็นปุ่มกลมๆ ตรงกลาง ส่วน Cooper นั้นเป็นปุ่มสี่เหลี่ยม ซึ่ง Galaxy S เองก็มีปุ่ม hardware ตรงกลางปุ่มเดียวเหมือนกัน และยังมีปุ่มเมนูและปุ่มย้อนกลับอยู่ด้านซ้ายและขวาของปุุ่ม Home โดยทั้ง 2 ปุ่มนั้นเป็นปุ่มสัมผัสแบบ Capacitive ซึ่งปกติจะมองไม่เห็นจนกว่าจะมีการกดปุ่ม (มุมนี้จากภาพด้านบน มันก็เหมือน iPhone 4 จริงๆ แหละ)
อย่างที่บอกครับปุ่มเมนูและปุ่มย้อนกลับอยู่ด้านซ้ายและขวาของปุุ่ม Home ซึ่งหากดูจากผ่านนอกก็คงคิดว่ามันมีปุ่มเดียวแน่นอน
หน้าจอ HVGA TFT ขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล เป็นหน้าจอแบบบ Capacitive ถือว่ากำลังดี หากมองจากด้านหน้าผมว่า Galaxy Cooper ดูหรู่ยิ่งกว่า รุ่นพี่อย่าง Galaxy S ซะอีก ถึงแม้ด้านความคมชัด องศาในการมองและความสดของสี จะยังห่างชั้นกับ Galaxy S ส่วนบนของตัวเครื่อง จะมีเซ็นเซอร์อยู่ 2 ตัว และลำโพงสนทนาผมว่าออกแบบมาได้สวยงามมาก
Galaxy Cooper ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่สามารถถอด Micro SD Crad ได้จากผ่านนอก โดยไม่ที่ต้องแกะฝาหลังแล้วถอดแบตออกมา ทำให้สะดวกสำหรับคนที่ชอบถอด Micro SD Crad เข้า-ออก ถ้าซื้อมาก็จะได้ SD Crad ความจุ 2GB แถมมาและสามารถเพิ่มได้สูงสุด 32GB ส่วนหน่วยความจำของตัวเครื่องก็มีมาให้ 150MB
ด้านข้างมีปุ่มเพิ่ม และลดเสียง อ่อมีรูสำหรับใส่สายคล้องคอด้วย
ด้านบนมีช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐ้าน 3.5 มม. และช่องเสียบสายชาร์จ Micro USB ซึ่งสามารถใช้สายชาร์จหรือสายดาต้าร่วมกับแอนดรอยด์รุ่นอื่นๆ ได้ และมีฝาเลื่อนเปิดและปิดป้องกันฝุ่นได้
ฝาหลังของ Cooper ออกจะแปลกตานิดหน่อยเป็นพลาสติกที่ออกแบบมาเพื่อกันลื่นและช่วยลดการเกิดรอยขีดข่วนโดยเฉพาะ ซึ่งดูๆ ไปก็สวยงามและดูทนทางอีกด้วย ข้อดีอย่างแรกที่ผมพบก็คือมันช่วยลดพวกรอยนิ้วมือหรือฝุ่นเกาะได้ดีกว่าพวกพลาสติกผิดมันได้เยอะเลย ไม่ต้องหมั่นเช็ดหมั่นถูก็ได้ แต่แน่นอนว่าถ้าโดนฝุ่นประสบกับน้ำนิดหน่อย มันจะอาศัยอยู่ในร่องได้อย่างดีมากๆ เช็ดออกลำบากซะด้วย
กล้องด้านหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซลพร้อม LED Flash โดยเลนต์กล้องนั้นจะอยู่ต่ำกว่าพื้นผิวของฝาหลังนิดหน่อย ซึ่งช่วยให้ลดการเกิดรอยได้ ซึ่งบางรุ่นนั้นเลนต์กล้องนูนออกมาเกินฝาหลัง ทำให้โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดรอยของเลนต์สูงขึ้นด้วย
แกะฝาหลังให้ดูแบตเตอรี่ความจุ 1,350 mAh แน่นอนว่าถ้าจะใส่ซิมการ์ดก็ต้องปิดเครื่องและถอดแบตออกก่อน ซึ่งด้านบนก็จะเห็นลำโพงของตัวเครื่อง เลนต์กล้อง LED Flash
ตัวเครื่องขนาด 59.9×112.4×11.5 มม. น้ำหนักเพียงแค่ 113 กรัมเท่านั้นเอง ถ้าลองเทียบกับมือผมก็ถือว่ากำลังดีครับ ไม่ถือลำบากอะไร
เพิ่มเติมรูปในมุมต่างๆของ: Galaxy Cooper
ข้อมูลด้าน Software
Galaxy Cooper มาพร้อมกับ TouchWiz UI 3.0 ซึ่งเป้น UI ที่ซํมซุงใช้กับมือถือแอนดรอยด์ทุกรุ่นของตัวเอง ซึ่งก็ยังคงมีบางส่วนที่ยังคงเป็นหน้าตาเดิมๆ ของ Android อย่างหน้า Homescreen ก็จะเป็นหน้าเดิมๆ ของ Android จะแกตต่างก็ตรงหน้ารวมแอพพลิเคชั่น ที่ดูแตกต่างนิดหน่อย ส่วนหน้าปลดล็อคหน้าจอก็เป็นหน้าตาเดิมๆๆ ของแอนดรอยด์ ซึ่งแตกต่างจากของ Galaxy S พูดง่ายคือมันถูกครอบด้วย TouchWiz UI เพียงนิดหน่อย ที่เหลือก็ยังคงเป็น Android UI นั้นเอง
เพิ่มหน้า Homescreen ได้สูงสุด 7 หน้า หน้าแอพพลิเคชั่นสามารถดูแบบย่อได้ และยังสามารถโยกย้ายแก้ไขแอพฯได้ด้วย
หน้าหน้าเมนู, เพิ่มเมนูลัดใส่หน้าจอ ไม่ว่าจะเป็น Widgets shortcut หรือเพิ่ม Folder, recent app สุดท้ายก็เป็นแจ้งเตือนหรือ Notification ซึ่งจะมีปุ่มตั้งค่าต่างๆใส่มาให้ด้วย
หน้าตาคียบอร์ดเดิมๆ ที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง ซึ่งสำหรับผผมแล้วมันใช้านยาก หรืออาจจะเพราะผมใช้ไม่เป็นก็ได้
คียบอร์ดภาพแรกเป็นจุดขายของมือุือแอนดรอยด์จากซัมซุงเลยก็ว่าได้นั้นก็คือ Swype Keyboard นั้นเอง ส่วนอีกอันเป็น Keyboard ที่แนะนำลองโหลดมาติดตั้งใช้งานดูครับ เป็นคียบอร์ดที่ผมใช้งานประจำนั้นคือ Keyboard ManMan เป็นของคนไทยพัฒนาครับ เป็นคียบอร์ด 4 แถวทั้ง ไทยและอังกฤษ
หน้าอินเตอร์เฟซในส่วนของกล้องถ่ายรูปทั้งภาพนิ่ง และวีดีโอ หากใครเคยใช้ Android รุ่นอื่นๆ มากฌ็คงไม่แปลกใจหน้าตาออกมาคล้ายๆ กัน
หน้าอ่านและส่งอีเมล ท่องเว็บไซต์ หรืออ่าน Feed เข้า Market ทุกอย่างโอเคครับ อ่าน Feed ที่มีความยาวของหน้ามากๆ ก็ไม่กระตุก (ขึ้นอยู่กับอินเตอร์เน็ตด้วย) ส่วย Android Market ก็เป็นเวอร์ชั่นใหม่
Galaxy Cooper ติดตั้งแอพพลิเคชั่น ThinkFree ซึ่งเป็นโปรแกรมเรียกดูและแก้ไขเอกสารยอดนิยมอีกตัวมาให้ มีแอพฯ AllShare ที่มีความสามารถด้านการแชร์ไฟล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ ภาพ, วีดีโอ หรือไฟล์เสียงให้เครื่องอื่นสามารถเข้าดูหรือเล่นไฟล์จากเครื่องเราได้ และยังสามารถเล่นไฟล์จากเครื่องอื่นบนเครื่องเราได้ด้วยเช่นกัน และยังมีแอพพลิเคชั่น Social Hub (SNS+IM+Push Mail+Calendar) ติดตั้งมาเพิ่มอีกตัว สุดท้ายก็เป็น Samsung App ที่เอาไฟล์เช็คการอัพเดตแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ จากทางซัมซุง
หน้าแป้นพิมพ์กดหมายเลขเบอร์โทรศัพท์ หน้าโทรเข้า โทรออก และหน้าสมุดรายชื่อโทรศัพท์ ซึ่งเป็นหน้าตาเดิมๆ ของ Android จะแตกต่างก็มีแค่หน้าแป้นพิมพ์กดเบอร์โทร
Galaxy Cooper ใส่หน่วยความจภายในมาให้ 180MB แต่เหลือให้ใช้งานจริงๆ เพียงแค่ 150MB เท่านั้น อาจจะดูน้อยมากหากเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Galaxy S แต่ผมว่าก็ไม่ถึงกับติดตั้งแอพฯ ไม่ได้เลย อีกอย่างเป็นระบบปฏิบัติการ Android 2.2 ที่มีฟีเจอร์สามารถติดตั้งแอพฯ ลงใน SD Crad ได้จึงคิดว่าไม่น่าจะะมีปัญหาเรื่องนี้ สามารถติดตั้งแอพฯ เพิ่มเติมเพื่อใช้งานได้เพียงพอแน่นอนครับ หน้าเมนูการตั้งค่าก็ถูกครอบด้วย UI ของซัมซุงนิดหน่อย แต่ก็ยังเหลือคราบของ Android อยู่
สำหรับใครที่อยาก Root Galaxy Cooper ก็หาโปรแกรม SuperOneClick v1.7 มา Root ได้ครับ แต่ขอบอกว่านี่ไม่ใช่การแนะนำหรือส่งเสริมนะครับ ถ้าทำแล้วเกิดความผิดพลาดทำให้เครื่องของท่านไม่สามารถใช้งานได้ ผมไม่รอรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
Multi-Touch
เริ่มต้นด้วยการทดสอบ Multi-Touch ของ Galaxy Cooper ก่อนเลย ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในการทดสอบที่ขาดไม่ได้สำหรับการรีวิวมือถือหรือแท็บเล็ตแอนดรอยด์ไปแล้ว ถึงแม้การใช้งานจริงๆ จะมีแอพฯ ที่รองรับ Multi-Touch เพียงน้อยนิด ถ้าเทียบกับ iOS จากภาพด้านบนก็พอจะรู้ว่า Cooper นั้นรองรับ Multi-Touch 2 จุดแต่เป็น 2 จุดแท้ ที่ลากตัดกันแล้วไม่หาย
Neocore
Galaxy Cooper นั้นใช้ซิปประมวลผลกราฟฟิกรุ่น Adreno 200 ความแรงก็ตามภาพที่เห็นจากการทดสอบด้วย Neocore ด้านบนครับ ถือว่าแรงใช้ได้ ได้คะแนนมาถึง 53.2FPS กันเลยทีเดียว เยอะกว่า Galaxy S ซะอีก รับรองได้ว่า Galaxy Cooper เล่นเกมได้อย่างสบายแน่นอนจร้า
Linpack for Android
Quadrant Standard Edition
ทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมของ Hardware ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการทำงานด้านหน่วยประมวลผล กราฟฟิก แรม หน่วยความจำ ผลจากการทดสอบ (Benchmark) ของ Cooper จาก Quadrant Standard พบว่าได้คะแนน 595 คะแนนซึ่งถือว่าโอเค ถ้าเทียบในระดับเดียวกันอย่าง A99 ก็คงเป็นรองด้านคะแนน แต่ถ้าเรื่องของการใช้งานจริง คงไม่เป็นรองอย่างแน่นอน
Smartbench 2010
Smartbench 2011
ทดสอบด้วย Smartbench 2010 และ 2011 คะแนนที่ได้ก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ อาจจะดูหน่อยมากหากดูจากกราฟที่เทียบกับรุ่นอื่นๆ แต่อย่าลืมว่ารุ่นที่คะแนนสูงกว่านั้น ราคาก็สูงกว่า Cooper ทุกตัวเลย ซึ่งก็ไม่แปลกที่คะแนนจะสูงกว่า แต่ถ้ามองถึงมือถือในราคาช่วงที่ต่ำกว่าหมื่นแล้วละก็ Cooper ดูดีเลยทีเดียว
System Benchmark
An3DBench
GLBenchmark 2.0
สุดท้ายด้วย GLBenchmark แอพฯ นี้ไม่มีบน Market ต้องโหลดจากข้างนอกมาทดสอบ แต่ถือว่าเป็น Benchmark โหดๆ อีก 1 ตัวที่หลายๆเว็บดังในต่างประเทศนิยมใช้กัน ซึ่งคะแนนก็ออกมาดูดีเลยทีเดียว เฉลี่ยอยู่ที่ 15-17 FPS
ทดสอบคุณภาพของกล้อง
Galaxy Cooper มาพร้อมกับกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีอ่อโต้โฟกัสและ LED Flash มาให้ สามารถถ่ายภาพได้ความละเอียดสูงสุด 2560×1920 พิกเซล ส่วนวีดีโออยู่ที่ 320×240 พิกเซล:15 fps ความเร็วของการถ่ายภาพนั้นผมว่าสามารถได้ต่อเนื่องกว่า Galaxy S อยู่พอสมควร ส่วนคุณภาพอันนี้สู้ไม่ได้ครับ เอาละมาดูคุณภาพที่ได้กันเลยครับ
ตอนกลางคืน
ตอนกลางวัน
Samsung Galaxy Cooper ทางซัมซุงเองก็ส่งมาลุยตลาดสมาร์ทโฟนราคาที่ต่ำกว่าหมื่น แต่ความสเปคของ Galaxy Cooper เองนั้นดูเหมือนว่าจะหาคู่ต่อสู้ได้ลำบากซะด้วยในตลาดราคาระดับนี้ ที่เห็นๆ ก็จะมี Optimus One ที่ออกมาเมื่อปลายปี 2010 และ WellCom A99 ที่ออกช่วงต้นปี ต้องถือว่าซัมซุงเองก็มีลุ่นครับ แม้จากผล Benchmark จากหลายๆ เว็บจะระบุว่า A99 นั้นคะแนนเทียบเท่าแอนดรอยด์ตัวเทพๆ แต่ในการใช้งานจริงๆ แล้วมีเสียงวิจารณ์ค่อนข้างเยอะ ส่วน Optimus One นี้ทางแอลจีก็คงประสบความสำเร็จกับยอดขายไปแล้ว คงจะเอารุ่นใหม่ออกมาขายแทนแล้ว
Galaxy Cooper นั้นใช้หน่วยประมวลผลความเร็ว 800 MHz แรม 384MB หน้าจอ 3.5 นิ้วและกล้อง 5 ล้านพิกเซลที่มี Flash มาให้ด้วย แถมยังเป้นระบบปฏิบัติการ Android 2.2 อีกด้วย วัสดุถ้าเทียบกับมือถือในราคาระดับเดียวกันผมว่าตัวนี้สู้ได้ครับ
สำหรับใครที่สนใจก็ลองหาซื้อได้ตามร้านขายมือถือทั่วไปในราคา 9,900 บาท